ครูบาศรีวิชัย ! ประเคนข้อหา กบฏแผ่นดิน : ตอนที่ 2


อธิกรณ์ระยะแรก

พ.ศ. 2450-2453 

สืบเนื่องจากการเริ่มประกาศใช้
พ.ร.บ.ลักษณะปกครองสงฆ์ 
ร.ศ.121

ในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลง
อยู่นั้น ครูบาศรีวิชัยยังถือธรรมเนียม
ปฏิบัติตามจารีตเดิมของล้านนาซึ่ง
ให้ความสำคัญแก่ระบบ.. 

" หมวดอุโบสถ "

ที่มีการปกครองเป็นไปในระบบ
พระอุปัชฌาย์อาจารย์กับลูกศิษย์
ใครศรัทธาเคารพพระอาจารย์องค์ใด
ก็เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ให้ท่านบวช
และเรียนธรรมะกับพระองค์นั้น

ซึ่งพระอุปัชฌาย์รูปหนึ่งจะมีวัดอยู่
ในการดูแลจำนวนหนึ่งเรียกว่า

" เจ้าหมวดอุโบสถ "

โดยคัดเลือกจากพระที่มีผู้เคารพ
นับถือและได้รับการยกย่องว่าเป็น
"ครูบา"  ดังนั้นครูบาศรีวิชัยซึ่งมี
ชื่อเสียงอยู่ในขณะนั้นจึงอยู่ใน
ตำแหน่ง

" หัวหมวดพระอุปัชฌาย์ "

โดยฐานะเช่นนี้..
ครูบาศรีวิชัยจึงมีสิทธิ์ตามจารีต
ท้องถิ่นล้านนาที่จะบวชกุลบุตรได้
พอใกล้ถึงวันเข้าพรรษาเหล่าสานุศิษย์
ที่มีความศรัทธาแรงกล้าต่อครูบาศรีวิชัย
ก็จะเข้ามาขอบวชโดยให้ท่านเป็น
พระอุปัชฌาย์ 

" แม้จะรู้ว่าตามระเบียบปกครงสงฆ์ใหม่
ท่านสามารถบวชให้กุลบุตรทั้งหลายได้
แต่ด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อพระศาสนา
เห็นความสำคัญของศรัทธาอันเกิดขึ้น
ได้ยากของชาวป่า ชาวเขา 

อีกทั้งฤดูเข้าพรรษากระชั้นชิดมาแล้ว 
หากท่านจะผลักไสสานุศิษย์ให้เดินเท้า
เข้าไปบวชที่เมืองลี้ก็จะไม่ทันกาล

ท่านจึงตัดสินใจทำพิธีบวชให้แก่
สานุศิษย์ที่มาขอบวชกันมากมาย
เป็นประวัติการณ์นับร้อยๆ รูป 
ที่วัดเล็กๆ ในชนบทแห่งนี้ "

เมื่อข่าวนี้กระพือออกไป..

จนทราบถึง เจ้าคณะแขวงลี้ และ
นายอำเภอ ซึ่งเห็นว่าครูบาศรีวิชัย
ทำหน้าที่พระอุปัชฌาย์โดยไม่ได้
รับอนุญาตจากเจ้าคณะแขวงลี้ก่อน
จึงถือว่าท่าน


เริ่มข้อหา..ตั้งตนเป็น

พระอุปัชฌาย์เถื่อน.!

เพราะในกฎหมายใหม่กำหนดไว้ว่า

" พระอุปัชฌาย์ที่จะบวชกุลบุตรได้
ต้องได้รับ การแต่งตั้งตามระเบียบ
การปกครองของสงฆ์จากส่วนกลาง
เท่านั้น "

ส่วนนายอำเภอก็ได้เข้ามาสอบสวน
เรื่องนี้ด้วย..

เพราะมีกระแสข่าวลือไปถึงนาย
อำเภอว่าครูบาศรีวิชัยซ่องสุมผู้คน
เตรียมตั้งตนเป็นผีบุญก่อการกบฏ

ดังนั้นเจ้าคณะแขวง และนายอำเภอ
จึงเดินทางมาที่วัดบ้านปางพร้อมนำ
ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวครูบาศรีวิชัย
ออกจากวัดบ้านปางเพื่อทำการสอบสวน


  สอบสวนครั้งที่ 1 

เป็นพระอุปัชฌาย์เถื่อน
ซ่องสุมผู้คนเพื่อก่อความไม่สงบ

ครูบาศรีวิชัยถูกควบคุมตัวมาที่วัด
ของเจ้าคณะแขวงลี้ ท่านถูกสอบสวน
อยู่ 4 วัน ในเวลานั้นเมื่อเหล่าสานุศิษย์
ทราบข่าวต่างก็พากันไปเดินทางไป
หาท่านพร้อมกับนำสิ่งของไปถวาย
ตลอดเวลา

วัดเจ้าคณะแขวงลี้ จากที่เคยเงียบสงบ
กลับคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแปลกหน้า
ทำให้เจ้าคณะแขวง และนายอำเภอ
เห็นว่าเกินกำลังที่จะสอบสวนเองได้

จึงส่งตัวจึงส่งตัวครูบาศรีวิชัยเข้าไป
ยังเมืองลำพูนเพื่อให้เจ้าคณะเมือง
ลำพูนเป็นผู้สอบสวนครูบาศรีวิชัย

ในครั้งแรกนี้ ..

เจ้าคณะเมืองลำพูนกล่าวตักเตือน
ครูบาศรีวิชัยว่า ขออย่าได้ทำผิดอีก
ในเรื่องทำพิธีบวชแก่สานุศิษย์
โดยไม่ได้รับอนุญาต

ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ใหม่
ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าท่านเป็น 
"ผีบุญ " ทำการกบฏนั้น
ยังมองไม่เห็นว่าจะเป็นไปได้
จึงอนุญาตให้ท่านกลับสู่วัดบ้านปาง




   สอบสวนครั้งที่ 2 

ควบคุมตัวอยู่ที่วัดชัยเมืองลำพูน
๒๓ วัน เนื่องจากท่านและลูกวัด
ไม่เข้าประชุมรับทราบระเบียบ
ปกครองสงฆ์

วันหนึ่งเจ้าคณะแขวงอำเภอลี้มี
หนังสือแจ้งไปยังวัดต่างๆ เรียก
เจ้าอาวาสไปอบรมรับทราบละเอียด
ใน พ.ร.บ.ปกครองสงฆ์ฯ

เพื่อให้คณะสงฆ์อยู่ในระเบียบอัน
เดียวกัน แต่เมื่อถึงกำหนดวันนัดหมาย 
ครูบาศรีวิชัย กลับลืมวันนัดจึงไม่ได้
ไปร่วมประชุมด้วย

ดังนั้นถือว่าท่านมีความผิด 
จึงถูกนำตัวไปสอบสวนอีกเป็น
ครั้งที่ 2 ที่เมืองลำพูนด้วยข้อ
กล่าวหาที่ว่า

" แข็งข้อไม่เชื่อฟังคำสั่งเจ้าคณะแขวง
ตัวไม่ไปแล้ว ยังชวนเจ้าอาวาสวัดอื่นๆ
ไม่ไปด้วย "

ครูบาศรีวิชัยยอมรับผิด
ต่อเจ้าคณะเมืองลำพูน 

ในข้อที่ว่าท่านไม่ได้เข้าประชุม
เพราะลืมวันนัดหมาย แต่ข้อกล่าว
หาที่ว่าท่านชักชวนเจ้าอาวาสวัดอื่นๆ 
ให้แข็งข้อตาม ท่านมิได้ทำ 

การสอบสวนสิ้นสุดลงที่..

เจ้าคณะเมืองลำพูนได้ว่ากล่าว
ตักเตือนท่าน ไม่ให้ขัดขืนคำสั่ง
เจ้าคณะแขวงอีกต่อไป 
จากนั้นจึงอนุญาตให้กลับวัดได้ 

หลังการถูกกล่าวหาถึงสองครั้ง
สองคราว ทำให้ชื่อเสียงของ
ครูบาศรีวิชัยโด่งดังมากยิ่งขึ้น 

ประจวบกับมีเหตุการณ์ครั้งที่ท่าน
เดินเข้าไปในป่าแห่งหนึ่งพร้อมด้วย
สานุศิษย์ ขณะนั้นฝนตกลงมาอย่าง
ไม่ลืมหูลืมตาจนทุกคนเปียกโชกกัน
ไปทั้งตัว 

แต่ครูบาศรีวิชัยกลับไม่เปียก
ฝนเลยแม้แต่น้อย!

เป็นเหตุให้ชาวเขา ชาวเมืองล่ำลือ
ไปปากต่อปากว่าครูบาศรีวิชัยเป็น
 " ผู้วิเศษ " ผู้คนทุกสารทิศต่าง
หลั่งไหลมาสู่วัดบ้านปางเป็นเท่า
ทวีคูณ


   สอบสวนครั้งที่ 3 

ถูกควบคุมไว้ที่วัดพระธาตุ
หริภุญชัยเมืองลำพูนนานถึง 1 ปี
เนื่องจาก ไม่พาพระเณรลูกวัด
เข้าประชุมรับทราบระเบียบใหม่

เมื่อครูบาศรีวิชัยกลับจากการถูกสอบ
สวนในครั้งที่ 2 ได้ไม่นานก็มีคำสั่ง
จากเจ้าคณะแขวง..

ให้ท่านพาพระลูกวัดเข้าประชุมศึกษา
กฎหมายปกครองสงฆ์อีกครั้งที่วัด
เจ้าคณะแขวงในอำเภอลี้ แต่เมื่อ
ครูบาศรีวิชัยไม่ได้ไปกำหนด

จึงถูกนำตัวไปสอบสวนที่เมืองลำพูน
เป็นครั้งที่ 3 และถูกควบคุมตัวไว้เป็น
เวลา 1 ปี อธิกรณ์ครั้งนี้คณะกรรมการ
สงฆ์พิจารณาให้ครูบาศรีวิชัย

พ้นจากเจ้าคณะหัวหมวด
ปลดจากตำแหน่งเจ้าอาวาส
วัดบ้านปาง .!

แล้วจึงปล่อยตัว
ท่านกลับมาเช่นเคย

ต่อมาเจ้าคณะแขวงลี้..

มีคำสั่งให้เจ้าอาวาสวัดในปกครอง
สำรวจจำนวนพระภิกษุสามเณร
เพื่อเสนอต่อเจ้าคณะเมืองลำพูน
ครูบาศรีวิชัย ท่านถือว่าท่านไม่มี
อำนาจหน้าที่ใดๆ ที่จะไปสำรวจ
ตามคำสั่ง

เพราะท่านไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสแล้ว
ซึ่งหลังจากการปลดครูบาศรีวิชัยแล้ว
ทางส่วนกลางก็ไม่ได้แต่งตั้งพระรูปใด
มาแทนท่านจึงเป็นเหตุให้

ท่านถูกกล่าวโทษจาก
เจ้าคณะแขวงลี้อีกครั้ง.!

พ.ศ. 2453

สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จสวรรคต ครั้นแล้วพระบาท
สมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ


อธิกรณ์ระยะที่ 2

พ.ศ. 2454 - 2464



พ.ศ. 2454

จัดเวรยามดูแลรักษา

วัดบ้านปาง!


การนี้วัดต่างๆ ในมณฑลเมือง
และแขวง ได้รับคำสั่งให้ประดับ
ประทีปโคมไฟสร้างซุ้มประตูวัด
จัดงานรื่นเริงสมโภช

" ครูบาศรีวิชัยก็ได้ทำในสิ่งที่ไม่มี
วัดไหนเคยทำมาก่อน คือการรวม
พระภิกษุสามเณรที่พระอุโบสถ
วัดบ้านปางจนล้นออกมาภาย
นอกโบสถ์ 

แล้วสวดพระมงคลคาถา
ถวายพระพรพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
ที่วัดบ้านปางไม่มีงานฉลองรื่นเริง
เหมือนวัดแห่งอื่นๆ ในอำเภอลี้ "

ข่าวนี้เป็นที่ร่ำลือไปเข้าหูเจ้าคณะ
แขวง และนายอำเภอลี้ อีกจนได้
ผู้ที่ไม่ชอบครูบาศรีวิชัยเล่าลือกัน
ว่าครูบาศรีวิชัยกระด้างกระเดื่อง
ไม่ยอมสร้างซุ้มตามประทีปโคมไฟ

เนื่องในงานบรมราชาภิเษก
โทษของท่านก็คือ กบฏนั่นเอง.!

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ท่านถูกเรียกตัว
สอบสวนแต่ทว่าไม่มีใครทำอะไร
ท่านได้ ข่าวลือเรื่องความเป็นพระ
ผู้มีคุณวิเศษต่างๆ ก็สะพัดไปไม่หยุด

คนต่างทิศต่างถิ่นก็เดินทาง
เข้ามาฝากตัวเป็นศิษย์เพิ่มขึ้น
ทุกวันจนกระทั่ง..

มีการจัดเวรยามดูแลรักษาวัด
บ้านปาง ป้องกันมิให้ผู้ที่คิดร้าย
ล่วงล้ำเข้ามาภายในสำนักของ
ครูบาศรีวิชัย ยิ่งเหมือนการ
โหมเชื้อไฟให้แรงระอุยิ่งขึ้น


รั้วหินที่วางเรียงเป็นกำแพง
วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน

มีคำสั่ง.! 

ให้ครูบาศรีวิชัยออกไป

จากเมืองลำพูน

เหตการณ์ต่างๆ ดูประจวบเหมาะ
และทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
ไม่ยากว่า..

ครูบาศรีวิชัย 
กับเหล่าสานุศิษย์
เตรียมซ่องสุมกำลังอาวุธ 
และผู้คนทั้งคฤหัสถ์ นักบวช
เป็นก๊กเป็นเหล่า.!

ใช้เวทมนต์คาถาอ้างตนเป็นผู้วิเศษ
หลอกลวงคนทั่วไปเพื่อคิดการร้าย
ต่อแผ่นดิน

เจ้าคณะแขวงลี้ และนายอำเภอลี้
จึงส่งหนังสือถึงเจ้าคณะเมืองและ
เจ้าเมืองลำพูนว่าสมควร..

" ขับไล่ครูบาศรีวิชัยออกไปให้พ้น
จากเขตเมืองลำพูนเรื่องราวไม่สงบ
เรียบร้อยต่างๆ จะได้หมดสิ้นไป "


พ.ศ. 2462

มีคำสั่งปลด และไล่ออกไป
พ้นเขตเมืองลำพูน ภายใน 
15 วัน แล้วห้ามวัดใดรับเข้า
ไปอยู่อาศัยด้วย

เจ้าคณะแขวงลี้ และนายอำเภอทำ
หนังสือร้องเรียนไปถึงเจ้าคณะเมือง
ลำพูนความว่า..

" ครูบาศรีวิชัยขัดขืน ไม่เชื่อฟังการ
บังคับบัญชาของเจ้าคณะแขวงอีกทั้ง
ยังชักนำเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ให้ขัดขืน
และไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย

พร้อมทั้งเกลี้ยกล่อม ซ่องสุมคฤหัสถ์
และนักบวชให้แตกเป็นก๊กเป็นเหล่า
ใช้เวทมนต์คาถาอ้างตนเป็นผู้วิเศษ

หลอกลวงผู้คนทั่วไป "




จนเมื่อต้นปี พ.ศ. 2462

หลังจากที่เจ้าคณะเมืองลำพูนได้รับ
คำร้องเรียนแล้ว จึงได้ประชุมร่วมกัน
กับเจ้าผู้ครองนคร และข้าหลวงเมือง
พร้อมกับมีคำสั่งให้ครูบาศรีวิชัย..

ออกไปให้พ้นเขตวัดบ้านปาง
และออกจากเมืองลำพูน
ภายใน 15 วัน

อีกทั้งสั่งห้ามพระภิกษุรูปใด 
รับครูบาศรีวิชัยเข้าพักอาศัย
ในวัดโดยเด็ดขาด.!

เมื่อเจ้าคณะแขวง 
และนายอำเภอลี้

นำหนังสือคำสั่งมามอบให้ครูบา
ศรีวิชัยณ วัดบ้านปาง ท่ามกลาง
สานุศิษย์เป็นพันคนครูบาศรีวิชัย
ก็ประกาศขึ้นทันทีว่า..

" ท่านจะไม่ยอมออกจาก
วัดบ้านปางและเมืองลำพูน
อันเป็นแผ่นดินเกิด.! "

เพราะท่าน..ไม่ได้กระทำผิด
ตามที่ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะ
เรื่องที่ว่าตั้งตนเป็นผู้วิเศษ
เพื่อก่อการร้ายต่อแผ่นดิน.!

ทั้งยังกล่าวว่า..

ขณะนี้เจ้าคณะแขวง
และนายอำเภอลี้ ก็ได้มาอยู่ต่อ
หน้าสานุศิษย์วัดบ้านปางอย่างนี้แล้ว

" ก็จงสอบถามบุคคลเหล่านี้เถิด
ว่าครูบาศรีวิชัยได้ไปหลอกอะไร
เขาหรือเปล่า.? "

เสียงอื้ออึงของเหล่าสานุศิษย์
พลันบังเกิด ต่างแย่งกันบอกเล่า 
ถึงความศรัทธาที่มีต่อครูบาศรีวิชัย
ว่าพวกตนมาบวชเรียนหาความรู้
ไม่ได้มาซ่องสุมเพื่อคิดร้ายใคร.!

ทำให้เจ้าคณะแขวง 
และนายอำเภอ
จนปัญญาที่จะจัดการ
ครูบาศรีวิชัย

เมื่อเหตุการณ์ทำท่าจะยุ่งเหยิง
กว่าที่คาดการณ์เอาไว้ทำให้
เจ้าคณะเมืองลำพูน ส่งหนังสือ
ร้องเรียนไปถึงเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ 
เจ้าผู้ครองเมืองลำพูนว่า..

ขอให้พระศรีวิชัยเรียกบรรดา
พระสงฆ์สามเณรทั้งหลายใน
หมวดบ้านปางเข้ามาพบ
เจ้าคณะเมืองลำพูนพร้อมกัน
ทั้งหมด.!

ครั้นเมื่อครูบาศรีวิชัย ได้รับ
จดหมายทั้ง 2 ฉบับแล้วท่าน
ก็เรียกพระภิกษุ สามเณร 
มาประชุมพร้อมหน้ากันแล้ว
ท่านจึงเทศนาว่า..

" ถ้าเข้าไปพบพระครูเจ้าคณะ
เมืองลำพูนครั้งนี้ จะเป็นตาย
ร้ายดียังไงก็ยังไม่รู้

ตัวท่านเองหากจะต้องตาย
ด้วยอำนาจอันไม่เป็นธรรม 
ท่านก็ไม่มีความวิตกกังวลใดๆ

ท่านขอถือเขาคุณของ
พระรัตนตรัย และคุณธรรม
กรรมฐานเป็นที่พึ่ง .!

โดยท่านจะยอมตาย

ในพุทธจักรฝ่ายเดียว "

การไปในครั้งนี้หากใครจะ
ตามท่านไปด้วยท่านก็ไม่ห้าม

หรือหากใครเกรงกลัวต่อราชภัย 
มนุษย์ภัย จะหลบหลีกปลีกวิเวก
ไปอยู่ตามป่า ตามเขา หรือยึดถือ
ปฏิบัติตามระเบียบปกครองใหม่
ท่านก็ไม่ห้ามเช่นกัน

เมื่อครูบาศรีวิชัยกล่าวจบลงนั้น
พระภิกษุประมาณ 300 รูป สามเณร
อีกนับร้อยรูป และสานุศิษย์จำนวน
มากที่มาประชุมพร้อมกันต่างเห็น
ตรงกันทุกคนว่า..

" จะไม่ยอมทอดทิ้งครูบาศรีวิชัย
เป็นอันขาด ทุกรูปทุกคนยินดี
ที่จะติดตามครูบาศรีวิชัยเข้าสู่
เมืองลำพูน "



ครูบาศรีวิชัยถ่ายภาพ
ด้านหน้าวิหารวัดบ้านปาง


"..ที่วัดพระธาตุหริภุญชัย
ปรากฏว่ามีกำลังทหารตำรวจ
พร้อมอาวุธครบมือรออยู่ ..

ยิ่งข่าวครูบาฯ ถูกสอบสวน
แพร่สะพัดออกไปเท่าไหร่ ..

คนที่เคารพศรัทธาก็มุ่งหน้า
มายังวัดพระธาตุหริภุญชัย
มากเท่านั้น !

ศิษย์คนหนึ่งประกาศก้องว่า..

จะนำอาหารหวานคาวเข้าไป
ถวายครูบาศรีวิชัยให้ได้
ต่อให้ตำรวจเหนี่ยวไกปลิดชีพ 
ตนก็ยอมตายอยู่ตรงนี้ !


ติดตามบทความ

Click บทนำ  ครูบาศรีวิชัย อำนาจ หวาดระแวง แรงศรัทธาและบุญญาบารมี
Click > ตอนที่ 1 ครูบาศรีวิชัย กำเนิดพระนักสู้ ต๋นบุญแห่งล้านนา
Click > ตอนที่ 3 ครูบาศรีวิชัย อาตมาขอตายในผ้าเหลือง
Click > ตอนที่ 3 ครูบาศรีวิชัย อาตมาขอตายในผ้าเหลือง
Click > ตอนจบ  ครูบาศรีวิชัย นักบุญล้านนา ศรัทธานิรันดร์



เรียบเรียงโดย คนธรรมรำพัน

ขอบคุณข้อมูล 
และภาพประกอบ
ประวัติครูบาศรีวิชัย
โดยพระครูบุญญาภินันท์ 
(บุญชู  จันทสิริ)
เวปไซต์ วัดบ้านปาง
MGR Online
google.com


มหาเถรผู้ยิ่งใหญ่
>hidden--point.blogspot.com
Previous
Next Post »