การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช
องค์ที่ 20
จากเหตุการณ์ที่ยืดเยื้อและทำให้พิธีการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช
องค์ที่ 20 แห่งการคณะสงฆ์ไทย มีปมปัญหาที่ไม่เข้าใจเกิดขึ้นกับประชาชนชาวไทยอย่างไม่รู้จบ
แม้กระทั่งการรวมตัวของพระสงฆ์หลายหมื่นรูป เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้นำประเทศ ขอความเป็นธรรมในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชที่พุทธมณฑล
ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดความสับสนมากมายในสังคมไทยและชาวพุทธทั่วโลก
วันนี้ขอหยิบยกนำความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
มาอธิบายขยายความเพื่อพอเข้าใจตรงกันดังนี้
1.ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์
พ.ศ. ๒๕๐๕
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ. ๒๕๓๕
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕
ธันวาคม ๒๕๐๕ เป็นปีที่ ๑๗ ในรัชกาลปัจจุบัน
และให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕
กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ เป็นปีที่ ๔๗ ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่าโดยที่
เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นจึงทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้ตรา พระราชบัญญัติไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรัฐสภา
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า
“พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕“
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้
ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๔ ภายในระยะเวลาหนึ่งปี
นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ บรรดากฎกระทรวง สังฆาณัติ กติกาสงฆ์
กฎองค์การพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ข้อบังคับและระเบียบเกี่ยวกับคณะสงฆ์
ที่ใช้บังคับ อยู่ในวันประกาศพระราชบัญญัตินี้ในราชกิจจานุเบกษา
ให้คงใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระ ราชบัญญัตินี้
ทั้งนี้จนกว่าจะมีกฎกระทรวง กฎมหาเถรสมาคมพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ข้อบังคับหรือ
ระเบียบของมหาเถรสมาคม ยกเลิก
หรือมีความอย่างเดียวกันหรือขัดหรือแย้งกันหรือกล่าวไว้เป็นอย่างอื่น
หมวด ๑ สมเด็จพระสังฆราช
มาตรา ๗ พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง
ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอ
นามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ขึ้นทูลเกล้าฯ
เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ไม่อาจปฏิบัติ
หน้าที่ได้ให้นายกรัฐมนตรีโดย
ความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นผู้มีอาวุโสโดย
สมณศักดิ์รองลงมา ตามลำดับ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ขึ้นทูลเกล้าฯ
เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
มาตรา ๘
สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก ทรงบัญชาการคณะสงฆ์และทรงตรา
พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัยและกฎมหาเถรสมาคม
มาตรา ๑๐ ในเมื่อไม่มีสมเด็จพระสังฆราช ให้สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์เป็นผู้
ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
๒. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
๒.๑ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ และ ๒.๒ นายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๓๕
๒.๑ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ และ ๒.๒ นายอานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๓๕
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
นายอานันท์ ปันยารชุน
จากพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
ที่แสดงรายละเอียดไว้ปรากฏกับสายตาผู้อ่านดังนี้แล้วอีกทั้งคณะกรรมการมหาเถรสมาคม
ก็ได้ยึดถือปฏิบัติแล้วทุกประการ แต่ ณ บัดนี้ การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช
กำลังจะมีทีท่าว่าจะถูกกลั่นแกล้งให้ยืดเวลาต่อไปอีกนานเท่าไร
ขอให้ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลไทยในยุคนี้ ช่วยชี้แจงแถลงการณ์
ให้สังคมได้ทราบด้วยจะได้หรือไม่?????
CR.ระฆังข้างรั้ววัด
ConversionConversion EmoticonEmoticon